สภาลมหายใจเชียงใหม่ ลุยยื่นฟ้องนายกฯ หวังทวงคืนปอดสะอาด
สถานการณ์ฝุ่นพิษใน จ.เชียงใหม่ ยังคงไม่ทุเลา แม้ว่าเมื่อวันที่ 8 เมษายน จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จนส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรเสียหายบางส่วน แต่หมอกควันไฟป่า และค่าฝุ่นยังสูง เนื่องจากบางพื้นที่ยังคงพบจุดเผาไหม้ต่อเนื่อง
ขณะที่ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า และฝุ่นละออง PM 2.5 จ.เชียงใหม่ รายงานว่า จุดความร้อน (Hotspot) รอบเช้า จำนวน 16 จุด ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.สะเมิง 2 จุด เชียงดาว 2 จุด แม่แจ่ม 2 จุด แม่วาง 1 จุด แม่แตง 1 จุด ในป่าอนุรักษ์ อ.เชียงดาว 3 จุด แม่แจ่ม 2 จุด ไชยปราการ 2 จุด และพร้าว 1 จุด ยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงปัจจุบัน จำนวน 9,553 จุด
ข้อมูลสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของ จ.เชียงใหม่ ค่าเฉลี่ยรายชั่วโมง ภาพรวมทั้งจังหวัด เช้านี้อันดับ 1 ต.สันทราย อ.พร้าว มีจำนวนฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน สูงมากถึง 674 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m³) คุณภาพอากาศอันตราย
เช่นเดียวกันกับพื้นที่ชุมชนชนหมื่นสาร ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ มีจำนวนฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน สูงถึง 375 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m³) ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่ม ควรงดกิจกรรมนอกอาคาร ปิดประตูหน้าต่างบ้านให้มิดชิด เลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมกลางแจ้ง และประชาชนทุกกลุ่มควรสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ป้องกันฝุ่นขนาดเล็กตามมาตรฐาน เช่น หน้ากาก N95 N94 R95 P2 KN95
ฝ่ายพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ รายงานสภาพอากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกของประเทศไทย และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น
ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จึงขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง
สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน และระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร และอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย สำหรับความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือ และภาคกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีอากาศร้อนจัดบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วย ส่วนภาวะฝุ่นละอองในระยะนี้ ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันปานกลางถึงมากเนื่องจากการระบายอากาศไม่ดี
ในช่วงวันที่ 10-14 เมษายน 2566 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่
ด้าน นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานคณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ ออกแถลงการณ์ถึงสมาชิกสภาลมหายใจเชียงใหม่ หลังสมาชิกบางส่วนแสดงความไม่เห็นด้วยกับการร่วมฟ้องนายกรัฐมนตรีกรณีการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษไม่ได้ผลว่า จากสถานการณ์ฝุ่นควันที่หนักหน่วงเกินกว่าที่ปอดคนเราจะรับไหว ทุกคนไม่ควรจะต้องรับมลพิษที่อันตรายขนาดนี้ ทางภาคประชาชนที่รวมตัวกันในนามสภาลมหายใจเชียงใหม่ เราได้มีข้อเสนอในการแก้ปัญหาเชิงรุกเชิงป้องกัน ที่เน้นการมีส่วนร่วมและบูรณาการ ตลอดจนการร่วมปฏิบัติการ การสนับสนุนจากชุมชน ร่วมกับทุกฝ่ายในการแก่ปัญหามาตลอด ช่วง 3-4 ปีนี้
แม้เชียงใหม่จะมีสามารถควบคุมจุดเผาไหม้ได้ดี แต่โดยภาพรวมก็ยังวิกฤติหนักมาก และเชียงใหม่ก็ยังมีคุณภาพแย่เป็นที่ 1 ของโลก สุขภาพก็แย่ เศรษฐกิจก็พัง สภาลมหายใจเชียงใหม่เคยร่วมฟ้องกับกรีนพีซ และ Enlaw (มูลนิธินิติธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม) เรื่องการลดคุณค่ามาตราฐานคุณภาพอากาศจาก 50 มก/ลบม. ให้ลดลงเหลือ 25 มก/ลบม. ก็ส่งผลให้ลดลงเหลือ 37มก/ลบม. สำเร็จ
โดยในครั้งนี้คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เป็นหลัก ร่วมกับ Enlaw กรีนพีซ ร่วมฟ้องนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจตาม ม.9 พรบ.คุ้มครองสิ่งแวดล้อมฯ แต่ไม่ได้ทำอะไรที่แก้ปัญหาวิกฤติมลพิษฝุ่นควันภาพรวม คณะกรรมการฝุ่นชาติที่ไม่ขยับ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ที่ไม่กำกับบริษัทที่ก่อให้เกิดมลพิษสิ่งแวดล้อม
“ผมเห็นว่าการร่วมฟ้อง เป็นการยกระดับจากการแก้ปัญหาฝุ่นควันเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เป็นการแก้ในภาพรวม ที่ต้องมีกฏหมาย มีนโยบาย มีแผน มีงบประมาณการแก้ปัญหาเชิงรุกเชิงป้องกันทุกสาเหตุ แบบยั่งยืน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการแก้แบบเดิมๆ มา 16 ปี ปีหน้าจะแล้งหนัก หากยังทำกันเหมือนเดิมเราจะเจอวิกฤติแบบเดิม เป็นการทำตามรัฐธรรมนูญและตามกฏหมาย เวลาในช่วงนี้สำคัญยิ่ง ทุกคนทนไม่ไหวแล้ว รัฐต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการแก้เฉพาะหน้า และเป็นการส่งสัญญาณต่อพรรคการเมือง และรัฐบาลชุดใหม่ที่จะต้องให้ความสำคัญและมีนโยบายเรื่องนี้อย่างชัดเจน”
นายชัชวาลย์กล่าวอีกว่า อีกประการหนึ่งหากพ้นเดือนเมษายนนี้ไป ฝนตก ทุกคน ทุกหน่วยงานกลับกรมกองก็จะไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย จึงเป็นกลยุทธที่จะให้เรื่องฝุ่นควันไม่ทำกันเป็นอีเว้นท์แล้วจบเป็นปีๆ ไป จึงขอสมาชิกสภาลมหายใจเชียงใหม่ช่วยกันส่งพลังส่งเสียงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้สำเร็จในยุคของเรา เพื่อลูกหลานจะไม่ทุกข์ทรมาน มีลมหายใจที่สะอาดต่อไปในอนาคต
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ tangotaxidancers.com
